สรท.คาดส่งออกไทยครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก จับตาสงครามตะวันออกกลางกระทบส่งออกไตรมาส 3 เชื่อทั้งปีขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 1-2% ขณะที่ “พาณิชย์” เร่งกลยุทธ์ดันส่งออก 5 แนวทาง เปิดประตูการค้าใหม่ เร่งทำเอฟทีเอ ดันซอฟพาวเวอร์ เศรษฐกิจหมุนเวียน
การส่งออกสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีปัจจัยเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่ยังคงยืดเยื้อมาจากปี 2566 ที่อาจมีผลต่อต่อราคาพลังงานและค่าระวางเรือที่เป็นเส้นทางขนส่งสำคัญระหว่างเอเชียและยุโรป
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า เหตุการณ์โจมตีระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล ที่แม้จะสงบลงแต่ต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหากมีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้นย่อมกระทบการส่งออกของไทยไปตะวันออกกลาง อีกทั้งต้องดูว่าจะกระทบต่อการขนส่งทางทะเลผ่านเส้นทางทะเลแดงหรือไม่
ขณะนี้กังวลและเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยที่กำลังเติบโตดีต่อเนื่องมีสัดส่วนส่งออก 5-7% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย โดยมี 2 ประเด็นที่น่าต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ
1.ผลกระทบต่อการส่งออกของไทย แม้ยังไม่กระทบเพราะสินค้าคำสั่งซื้อในไตรมาส 2 ได้สรุปเสร็จแล้ว รวมทั้งหลังเทศกาลรอมฎอนสิ้นสุดวันที่ 10 เม.ย.2567 เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบการส่งออกของไทยระยะต่อไป คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าจะค่อยๆ ลดลง
นอกจากนี้หากสถานการณ์ปลายปลายมีการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงและมีการหยุดเดินเรือ จะทำให้สถานการณ์กลับมาเหมือนช่วงปลายปี 2566 ซึ่งจะกระทบการขนส่งสินค้าไปยุโรปและประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
2.ราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้น ปัจจุบันราคาน้ำมันเคลื่อนไหวแตะ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นอีก ซึ่งจะกระทบต้นทุนธุรกิจ แต่ยังประเมินว่าไม่น่าจะแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะเศรษฐกิจยังชะลอตัวและภาคการผลิตในประเทศสำคัญยังไม่ฟื้นเท่าที่ควรทำให้ความต้องการใช้น้ำมันไม่เพิ่มขึ้นมาก
“ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากรุนแรงขยายวงกว้างน่ากังวลการส่งออกไทยต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 โดยเดือน เม.ย.-พ.ค.การส่งออกของไทยยังไปได้ดีเพราะสรุปคำสั่งซื้อไปแล้ว จึงหวังว่าสถานการณ์จะยุติโดยเร็ว และขณะนี้ผลกระทบยังอยู่ในตะวันออกกลาง แต่หากยังไม่ยุติ กลับรุนแรงขยายวงกว้าง จะกระทบการส่งออกไทยในตลาดที่อยู่ใกล้เคียงได้” นายชัยชาญ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ค่าระวางเรือหลังเหตุโจมตีล่าสุดเท่าที่ตรวจสอบพบว่า ค่าระวางเรือยังคงปกติและยังไม่ได้รับรายงานหยุดเดินเรือในพื้นที่ดังกล่าว แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปเพราะคาดเดาได้ยาก
ทั้งนี้ สรท.ได้จับตาสถานการณ์เป็นพิเศษและประเมินเป็นระยะ และหากมีผลกระทบจะหารือกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาแนวทางทางลดผลกระทบ
นอกจากนี้ ค่าระวางเรือในปัจจุบันถือว่าเข้าอยู่ภาวะปกติหลังจากมีวิกฤติในทะเลแดง บริเวณช่องแคบบับ อัล-มันเดบ ซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าหลักไปทวีปยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งค่าในช่วงปลายปี 2566 ส่งผลให้ค่าระวางเรือสูงขึ้น 4-5 เท่าหรือประมาณ 4,000-5,000 ดอลลาร์ ต่อตู้ขนาด 20 ฟุต
ทั้งนี้ ที่ยังไม่รวม Surcharge อีกประมาณ 1,000 ดอลลาร์ ต่อตู้ขนาด 20 ฟุต ปัจจุบันราคาค่าระวางปรับลดลง 1-2 เท่า หรือประมาณ 2,000 ดอลลาร์ ต่อตู้ขนาด 20 ฟุต ซึ่งช่วยผ่อนคลายต้นทุนของผู้ประกอบการส่งออกได้ในระดับหนึ่ง